จากกรณีที่มีเหตุการณืทะเลาะวิวาท จนเป็นเหตุให้พลทหาร พลนิกร ยศมาร วัย 22 ปี สังกัดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย ถูกวัยรุ้นใช้ขวดปากฉลามแทงจนเสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุวิวาท เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด นายสมบูรณ์ ยศมาร บิดา และญาติ ได้เดินทางมารับศพพลทหารพลนิกร ที่โรงพยาบาลหนองคาย โดยญาติได้มีการทำพิธีเรียกวิญญาณพลทหารพลนิกรให้ทราบว่าจะพากลับบ้านแล้ว โดยนายสมบูรณ์ ผู้เป็นบิดาได้กล่าวว่า “ลูกชายเป็นคนจิตใจดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าผู้ต้องหาจะอ้างว่าทำไปเพราะเมา ขาดสติ พ่อเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ จะมาอ้างว่าไม่รู้ตัว แล้วทำให้คนอื่นตายไม่ได้ อยากให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าญาติของผู้ต้องหาจะไปกราบศพก็ยินดี แต่จะไม่ยกโทษให้ผู้ต้องหา”
สงกรานต์หรือสงคราม หนุ่มถ่ายคลิป ชายถือพร้าคว้ามีดจะเข้าทำร้าย
ทะเลาะวิวาทสงกรานต์ 2562 – วันที่ 16 เม.ย. กู้ภัยสว่างคุณธรรม(Sawangkunnatum) ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 4 นาที เป็นภาพของชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังทะเลาวิวาทกัน โดยมีชาวหนุ่มถือมีพร้าด้ามยาวจะเข้าฟันผู้ถ่ายคลิป โดยภายในคลิปได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน สาเหตุน่าจะมาจากความไม่พอใจเรื่องรถจักรยานยนต์ โดยข้อความจากเพจระบุว่า “มีดปืนเพียบ เหตุเกิดบ้านคำน้อยหมู่ที่5ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ”
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ หนีหมายจับเกิน 180 วัน ให้ถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนบ้านเดิมไปทะเบียนบ้านกลาง คัดชื่อออกจากทะเบียนบ้าน – เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 ระบุว่า พ.ร.บ.นี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 38 และมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้ โดยอาศัยอำนาจตามบท บัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผล และความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตาม พ.ร.บ.นี้ เพื่อให้การทะเบียนราษฎรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความเป็นธรรม การอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน การรักษาความสงบเรียบร้อย และการคุ้มครองสิทธิพื้นฐานของประชาชน การตรา พ.ร.บ.นี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญ
โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ มาตรา4 ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินในเรื่องการให้บริการแก่ประชาชน หรือการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงในราชอาณาจักร รมว.มหาดไทยจะอนุมัติให้ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลที่ปรากฏในทะเบียนอื่นนอกจากทะเบียนตามวรรคสอง เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติของ รมว.มหาดไทย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ รมว.มหาดไทยประกาศกำหนด”
มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน คือ มาตรา 16 ให้ ผอ.ทะเบียนกลางกำหนดเลขประจำตัวแก่ผู้มีสัญชาติไทย หรือคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร และบุคคลที่ได้จดทะเบียนคนเกิด ณ สถานทูตไทย หรือสถานกงสุลไทยตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง คนละหนึ่งเลขโดยไม่ซ้ำกัน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเลขประจำตัวให้เป็นไปตามระเบียบที่ ผอ.ทะเบียนกลางกำหนด ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวต้องแยกระหว่างผู้มีสัญชาติไทย และคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยด้วย
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19/2 และมาตรา 19/3 แห่ง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534
แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 โดยให้ใช้ความต่อไปนี้แทน มาตรา 19/2 เมื่อได้รับแจ้งการเกิดตามมาตรา 19 หรือมาตรา 19/1 แล้ว ให้นายทะเบียนผู้รับแจ้งดำเนินการพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติของเด็กตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ในกฎกระทรวง แล้วดำเนินการต่อไปตามมาตรา 20 ทั้งนี้ ให้ผู้พบเด็ก ผู้รับเด็กไว้ และผู้แจ้งการเกิด ให้ความร่วมมือกับนายทะเบียนผู้รับแจ้งในการดำเนินการพิสูจน์ตามที่นายทะเบียนผู้รับแจ้งร้องขอ ในกรณีที่ไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้นายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นจัดทําทะเบียนประวัติ และออกเอกสารแสดงตนให้เด็กไว้เป็นหลักฐาน เว้นแต่เด็กนั้นมีอายุครบ 5 ปีแล้ว ให้นายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นออกบัตรประจำตัว ให้แทนตามระเบียบ และภายในระยะเวลาที่ ผอ.ทะเบียนกลางกำหนด
ผู้ซึ่งได้รับการจัดทําทะเบียนประวัติและเอกสารแสดงตนตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีหลักฐานแสดงว่าได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีคุณสมบัติอื่นตามที่ รมว.มหาดไทยกำหนด ให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยได้ และเมื่อ รมว.มหาดไทยพิจารณาเห็นว่าผู้ยื่นคำร้องมีสถานะถูกต้องตามเงื่อนไขและมีคุณสมบัติครบถ้วนดังกล่าว ให้ รมว.มหาดไทยประกาศให้ผู้นั้นมีสัญชาติไทย ทั้งนี้ ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องและให้ถือว่าผู้นั้นมีสัญชาติไทยตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีมีประกาศระยะเวลา 10 ปีตามวรรคสองให้นับแต่วันที่จัดทําทะเบียนประวัติหรือออกเอกสารแสดงตน เว้นแต่จะมีหลักฐานอันชัดแจ้งแสดงว่าได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรมาก่อนหน้านั้นตามระเบียบที่ผู้อำนวยการทะเบียนกลางกําหนด ก็ให้นับแต่วันที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตามที่ปรากฏจากหลักฐาน ผู้ซึ่งได้รับสัญชาติไทยตามวรรคสอง ถ้าภายหลังปรากฏหลักฐานว่ามีกรณีไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข หรือขาดคุณสมบัติให้ รมว.มหาดไทย ประกาศเพิกถอนการให้สัญชาตินั้นโดยพลัน โดยให้นําความในมาตรานี้มาใช้บังคับกับบุคคลที่เคยอยู่ในการอุปการะของหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนตามมาตรา 19/1 แต่หน่วยงานดังกล่าวได้อนุญาตให้บุคคลอื่นรับไปอุปการะ และบุคคลที่มิได้แจ้งการเกิดตามมาตรา 19 หรือมาตรา 19/1 ซึ่งได้ยื่นคําร้องตามมาตรา 19/3 หรือขอเพิ่มชื่อตามมาตรา 37 แต่ไม่อาจพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติได้ด้วยโดยอนุโลม
credit : lesalternatifsdefranchecomte.com tippiesdad.com universduflow.com divasdelblues.com